ผู้เขียน

ดูทั้งหมด

บทความ โดย Leslie Koh

ความช่วยเหลือจากพระวิญญาณบริสุทธิ์

แม้ผมและเพื่อนร่วมชั้นจะเคยโดดเรียนในมหาวิทยาลัยบ้างตามโอกาส แต่ทุกคนจะต้องเข้าเรียนวิชาของศาสตราจารย์คริสในสัปดาห์ก่อนสอบปลายภาค เพราะเป็นช่วงที่อาจารย์จะบอกแนวข้อสอบที่จะออกในการสอบนั้น

ผมสงสัยมาตลอดว่าทำไมเขาทำอย่างนั้น จนผมได้เข้าใจว่าอาจารย์อยากให้เราทำได้คะแนนดี เขามีมาตรฐานสูง แต่ก็จะช่วยให้เราไปถึงด้วย ทั้งหมดที่เราต้องทำก็แค่เข้าชั้นเรียนและตั้งใจฟังเพื่อเราจะเตรียมตัวได้อย่างถูกต้อง

เรื่องนี้ทำให้ผมเข้าใจว่าพระเจ้าก็เป็นเช่นนั้น พระองค์ไม่สามารถลดมาตรฐานของพระองค์ลงได้ แต่ทรงปรารถนาอย่างยิ่งที่จะให้เราเป็นเหมือนพระองค์ พระองค์จึงได้ทรงประทานพระวิญญาณบริสุทธิ์แก่เราเพื่อช่วยให้เราไปถึงมาตรฐานนั้น

ในเยเรมีย์ 3:11-14 พระเจ้าทรงเรียกอิสราเอลที่ไม่สัตย์ซื่อให้รู้ถึงความผิดของพวกเขาและหันกลับมาหาพระองค์ แต่เพราะรู้ว่าพวกเขาดื้อดึงและอ่อนแอเพียงใดพระองค์จึงทรงช่วยพวกเขา พระองค์สัญญาว่าจะรักษาความกลับสัตย์ของพวกเขา (ข้อ 22) และทรงส่งผู้เลี้ยงแกะไปสอนและนำพวกเขา (ข้อ 15)

น่าอบอุ่นใจจริงๆที่ได้รู้ว่า ไม่ว่าเราจะติดอยู่ในกับดักของบาปที่ใหญ่แค่ไหนหรือหันเหไปจากพระเจ้าไกลสักเท่าใด พระองค์ยังทรงพร้อมจะรักษาความกลับสัตย์ของเรา! เราเพียงแต่ต้องยอมรับความผิดพลาดและยอมให้พระวิญญาณบริสุทธิ์เข้ามาเปลี่ยนแปลงจิตใจของเรา

ทุกลมหายใจ

เมื่อที อัน ป่วยเป็นโรคแพ้ภูมิตัวเองซึ่งทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงและเกือบทำให้เขาเสียชีวิต เขาจึงตระหนักว่าการที่เราสามารถหายใจได้นั้นคือของขวัญ เป็นเวลากว่าหนึ่งสัปดาห์ที่เครื่องช่วยหายใจต้องส่งอากาศเข้าไปในปอดของเขาทุกวินาที ซึ่งเป็นขั้นตอนที่เจ็บปวดในการรักษาของเขา

ที อันหายจากโรคอย่างอัศจรรย์ ในวันนี้เขาเตือนตัวเองไม่ให้พร่ำบ่นเรื่องความท้าทายในชีวิต “ผมจะแค่หายใจเข้าลึกๆ” เขากล่าว “และขอบคุณพระเจ้าที่ผมหายใจได้”

เป็นเรื่องง่ายที่จะจดจ่ออยู่กับสิ่งที่เราต้องการหรืออยากมี และลืมไปว่าบางครั้งสิ่งที่เล็กน้อยที่สุดในชีวิตกลับเป็นเรื่องวิเศษที่สุด ในนิมิตของเอเสเคียล (อสค.37:1-14) พระเจ้าเปิดเผยกับผู้เผยพระวจนะว่าพระองค์เท่านั้นที่สามารถให้ชีวิตกับกระดูกได้ แม้จะมีเส้นเอ็น เนื้อและผิวหนังมาหุ้มแต่ “ไม่มีลมหายใจในนั้น” (ข้อ 8) กระดูกนั้นมีชีวิตอีกครั้งเมื่อพระเจ้าประทานลมหายใจเท่านั้น (ข้อ 10)

นิมิตนี้แสดงให้เห็นภาพพระสัญญาของพระเจ้าที่จะฟื้นฟูอิสราเอลจากความพินาศ และย้ำเตือนผมด้วยว่าทุกสิ่งที่ผมมี ไม่ว่าใหญ่หรือเล็ก ล้วนแล้วแต่เปล่าประโยชน์หากพระเจ้าไม่ได้ทรงมอบลมหายใจให้ผม

ในวันนี้ให้เราขอบพระคุณพระเจ้าสำหรับพระพรที่ธรรมดาที่สุดในชีวิต ในท่ามกลางความทุกข์ลำบากระหว่างวัน ให้เราหาโอกาสหยุดเพื่อที่จะสูดหายใจเข้าลึกๆและ “ให้ทุกสิ่งที่หายใจสรรเสริญพระเจ้า (สดด.150:6)

เสียงเดินของนาฬิกา

ขณะที่กลุ่มคนงานกำลังตัดน้ำแข็งในทะเลสาบและนำไปเก็บในโรงน้ำแข็ง มีคนหนึ่งพบว่านาฬิกาข้อมือของเขาหายไปในอาคารที่ไม่มีหน้าต่าง เขาและเพื่อนๆพยายามค้นหาแต่ก็ไม่พบ

หลังจากที่พวกเขายอมแพ้ ชายหนุ่มคนหนึ่งซึ่งเห็นพวกเขาเดินออกไปก็เข้าไปในอาคาร หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ออกมาพร้อมกับนาฬิกา เมื่อเขาถูกถามว่าพบมันได้อย่างไร เขาตอบว่า “ผมแค่นั่งลงเงียบๆ และไม่นานผมก็ได้ยินเสียงเดินของนาฬิกา”

พระคัมภีร์พูดถึงคุณค่าของการสงบนิ่งอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งไม่น่าแปลกใจเพราะบางครั้งพระเจ้าก็ทรงตรัสด้วยเสียงกระซิบ (1 พกษ.19:12) ในช่วงที่ชีวิตวุ่นวาย การได้ยินพระองค์นั้นเป็นเรื่องยาก แต่ถ้าเราหยุดเร่งรีบและใช้เวลาเงียบๆกับพระเจ้าและพระวจนะของพระองค์ เราอาจจะได้ยินเสียงอันอ่อนโยนของพระองค์ในความคิดของเรา

สดุดี 37:1-7 ยืนยันว่า เราสามารถวางใจในพระเจ้าให้ทรงช่วยเรารอดพ้นจาก “อุบาย” ของคนชั่ว ประทานที่ลี้ภัยให้กับเรา และช่วยเราให้ดำรงไว้ซึ่งความสัตย์ซื่อ แต่เราจะทำสิ่งนี้ได้อย่างไรในเมื่อชีวิตมีแต่ความวุ่นวาย

ข้อ 7 แนะนำว่า “จงสงบอยู่ต่อพระเจ้าและเพียรรอคอยพระองค์อยู่” เราสามารถเริ่มต้นด้วยการเรียนรู้ที่จะสงบนิ่งสักครู่หลังจากอธิษฐาน หรืออาจจะอ่านพระคัมภีร์อย่างเงียบๆ และปล่อยให้พระคำซึมซาบเข้ามาในใจ บางทีเราอาจได้ยินเสียงแห่งสติปัญญาจากพระองค์ตรัสกับเรา เบาๆและสม่ำเสมอเหมือนกับเสียงเดินของนาฬิกา

เส้นทางที่ยาวไกล

ขณะที่เพื่อนร่วมงานได้เลื่อนตำแหน่งทีละคน เบนจามินได้แต่รู้สึกอิจฉานิดหน่อย “ทำไมคุณยังไม่ได้เป็นผู้จัดการสักที คุณสมควรได้เป็นนะ” เพื่อนๆ บอกกับเขา แต่เบนตัดสินใจมอบงานของเขาไว้กับพระเจ้า “ถ้านี่เป็นแผนการของพระเจ้าสำหรับผม ผมก็แค่ทำงานของผมให้ดี” เขาตอบ

หลายปีต่อมาเบนได้เลื่อนตำแหน่งในที่สุด ถึงตอนนั้นประสบการณ์ที่เพิ่มขึ้นช่วยให้เขาทำงานด้วยความมั่นใจและได้รับความเคารพจากผู้ใต้บังคับบัญชา ขณะเดียวกันเพื่อนของเขาบางคนยังคงมีปัญหากับความรับผิดชอบในการควบคุมดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาเพราะพวกเขาได้รับการเลื่อนตำแหน่งก่อนที่จะพร้อม เบนตระหนักว่าพระเจ้าทรงพาเขาไปใน “เส้นทางที่ยาวไกล” เพื่อเขาจะได้รับการเตรียมให้พร้อมสำหรับหน้าที่ของเขา

เมื่อพระเจ้าทรงนำชนชาติอิสราเอลออกจากประเทศอียิปต์ (อพย.13:17-18) พระองค์ทรงเลือกเส้นทางที่ไกลกว่า เพราะ “ทางลัด” ไปคานาอันเต็มไปด้วยความเสี่ยง นักวิเคราะห์พระคัมภีร์ตั้งข้อสังเกตว่า ระยะทางที่ไกลกว่าให้เวลาพวกเขามากขึ้นในการทำให้พวกเขาแข็งแกร่งทั้งด้านร่างกาย จิตใจและจิตวิญญาณสำหรับสงครามที่จะตามมา

หนทางที่สั้นที่สุดไม่ได้ดีที่สุดเสมอไป บางครั้งพระเจ้าทรงอนุญาตให้เราใช้เส้นทางที่ไกลกว่าในชีวิต ไม่ว่าในด้านอาชีพหรือความอุตสาหะอื่นๆ เพื่อเตรียมเราให้พร้อมสำหรับการเดินทางที่รออยู่ข้างหน้า เมื่อทุกอย่างดูเหมือนจะเกิดขึ้นไม่รวดเร็วพอ เราสามารถวางใจในพระเจ้า ผู้ทรงนำและชี้ทางให้แก่เรา

ทางอ้อมที่เสี่ยงอันตราย

เสียเวลาจริงๆ ฮาร์ลีย์คิด ตัวแทนประกันของเธอยืนยันที่จะนัดพบเธออีกครั้ง ฮาร์ลีย์รู้ว่ามันคือการเสนอขายประกันที่แสนน่าเบื่อ แต่เธอตัดสินใจว่าจะใช้โอกาสนี้ให้คุ้มค่าโดยเล่าเรื่องความเชื่อของเธอ

เมื่อสังเกตเห็นว่าตัวแทนประกันผู้นี้สักคิ้ว เธอจึงถามถึงสาเหตุอย่างลังเลใจและได้รู้ว่าหญิงผู้นี้สักคิ้วเพื่อจะมีโชคดี คำถามของฮาร์ลีย์เป็นการถามนอกเรื่องไปจากบทสนทนาด้านการเงินตามปกติซึ่งเสี่ยงต่อการเข้าใจผิด แต่ก็ได้เปิดโอกาสให้ทั้งสองได้คุยกันถึงเรื่องโชคและความเชื่อ ทำให้เธอมีโอกาสเล่าว่าทำไมเธอจึงไว้วางใจในพระเยซู การ “เสียเวลา” นั้น กลับกลายเป็นเวลานัดหมายจากพระเจ้า

พระเยซูทรงใช้ทางอ้อมที่เสี่ยงอันตรายเช่นกัน ขณะเสด็จจากแคว้นยูเดียไปกาลิลี พระองค์ออกนอกเส้นทางเพื่อไปพูดคุยกับหญิงชาวสะมาเรีย ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่คาดคิดสำหรับชาวยิว ที่แย่ไปกว่านั้น เธอเป็นหญิงที่ล่วงประเวณีที่แม้แต่ชาวสะมาเรียก็ไม่อยากพูดคุยด้วย แต่พระองค์ทรงพูดคุยกับเธอและทำให้คนมากมายมาถึงความรอด (ยน.4:1-26, 39-42)

คุณจะต้องพบกับคนที่คุณไม่อยากเจอหรือเปล่า คุณมักเดินสวนกับเพื่อนบ้านที่คุณคอยหลีกเลี่ยงหรือไม่ พระคัมภีร์เตือนเราให้เตรียมพร้อมอยู่เสมอ “ทั้งในขณะที่มีโอกาสและไม่มีโอกาส” เพื่อจะแบ่งปันข่าวประเสริฐ (2 ทธ.4:2) ลองใช้ “ทางอ้อม” ดูสิ ใครจะรู้ว่าพระเจ้าอาจกำลังจัดเตรียมโอกาสให้คุณได้พูดเรื่องของพระองค์กับใครบางคนในวันนี้!

แยกกันอย่างกลมเกลียว

การที่อัลวินถูกมอบหมายให้ทำโครงงานร่วมกับทิมเพื่อนร่วมงาน ทำให้เขารู้สึกลำบากใจมาก เขาและทิมมีแนวคิดที่แตกต่างกันมาก แม้จะเคารพในความคิดของกันและกัน แต่วิธีการของทั้งสองแตกต่างกันจนยากที่จะหลีกเลี่ยงความขัดแย้ง ก่อนที่ความขัดแย้งจะปะทุขึ้น ทั้งสองคนตกลงที่จะคุยเรื่องความต่างนี้กับหัวหน้าผู้ซึ่งให้ทั้งสองแยกทีมกัน การตัดสินใจนี้ส่งผลดี สิ่งที่อัลวินได้เรียนรู้ในวันนั้นคือ การเป็นหนึ่งเดียวกันไม่จำเป็นต้องทำอะไรด้วยกันเสมอไป

อับราฮัมตระหนักถึงความจริงข้อนี้เมื่อท่านบอกกับโลทให้แยกทางกันที่เบธเอล (ปฐก.13:5-9) เมื่อเห็นว่ามีพื้นที่ไม่พอสำหรับฝูงสัตว์ของพวกเขาอับราฮัมจึงบอกอย่างชาญฉลาดให้แยกทางกัน แต่ก่อนอื่น ท่านได้ย้ำว่าพวกเขาเป็น “ญาติสนิท” กัน (ข้อ 8) เพื่อเตือนโลทถึงความสัมพันธ์ แล้วด้วยความถ่อมใจอย่างที่สุดท่านจึงให้หลานเป็นคนเลือกก่อน (ข้อ 9) แม้อับราฮัมจะมีอาวุโสกว่าก็ตาม เหมือนกับที่ศิษยาภิบาลท่านหนึ่งอธิบายไว้ว่า “แยกกันอย่างกลมเกลียว”

พระเจ้าทรงสร้างเราแต่ละคนมาอย่างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว บางครั้งเราทำงานได้ดีกว่าเมื่อต้องแยกกันทำเพื่อบรรลุจุดมุ่งหมายเดียวกัน เราเป็นหนึ่งเดียวกันได้ในความแตกต่าง ขอให้เราไม่ลืมว่าเรายังเป็นพี่น้องกันในครอบครัวของพระเจ้า เราอาจใช้วิธีที่แตกต่างแต่เรายังคงเป็นหนึ่งเพื่อเป้าหมายเดียวกัน

พระเจ้าทรงอยู่ที่นั่นไหม

เลล่ากำลังจะเสียชีวิตเพราะมะเร็ง และสามีของเธอทิโมธีไม่เข้าใจว่าเหตุใดพระเจ้าผู้เปี่ยมด้วยความรักจึงปล่อยให้ภรรยาของเขาต้องทนทุกข์ทรมาน เธอรับใช้พระองค์ด้วยความสัตย์ซื่อในฐานะครูสอนพระคัมภีร์และให้คำปรึกษาคนมากมาย ทำไมพระองค์จึงยอมให้เกิดเรื่องนี้ขึ้น เขาร้องถาม แต่ทิโมธีก็ยังคงสัตย์ซื่อในการเดินไปกับพระเจ้า

แผนที่ถูกเปลี่ยน

แผนที่เจนจะเป็นนักบำบัดด้านการพูดสิ้นสุดลงเมื่อการฝึกงานทำให้รู้ว่างานนี้มีความท้าทายทางอารมณ์มากเกินไป แล้วเธอก็มีโอกาสเขียนบทความลงนิตยสาร เธอไม่เคยคิดจะเป็นนักเขียน แต่หลายปีต่อมาเธอได้เป็นกระบอกเสียงให้หลายครอบครัวที่ลำบากผ่านงานที่เธอเขียน “เมื่อมองย้อนไป ฉันได้เข้าใจเหตุผลที่พระเจ้าเปลี่ยนแผนของฉัน พระองค์มีแผนการที่ใหญ่กว่าสำหรับฉัน” เธอกล่าว

ในพระคัมภีร์มีหลายเรื่องราวของแผนที่ถูกแทรกแซง ในการไปประกาศครั้งที่สอง เปาโลพยายามนำข่าวประเสริฐไปแคว้นบิธีเนีย แต่พระวิญญาณของพระเยซูหยุดท่านไว้ (กจ.16:6-7) เราอาจสงสัยว่าทำไมพระเยซูขัดขวางแผนการที่สอดคล้องกับงานที่พระเจ้ามอบหมาย คำตอบปรากฏในความฝันคืนหนึ่งว่ามาซิโดเนียต้องการท่านมากกว่า เปาโลจะตั้งคริสตจักรแรกในยุโรปที่นั่น ซาโลมอนเรียนรู้เช่นกันว่า “ในใจของมนุษย์มีแผนงานเป็นอันมาก แต่พระประสงค์ของพระเจ้านั่นแหละจะดำรงอยู่ได้” (สภษ.19:21)

การวางแผนเป็นสิ่งดี ดังคำกล่าว “การพลาดไม่วางแผน คือการวางแผนไปสู่ความผิดพลาด” แต่พระเจ้าอาจแทนที่แผนของคุณด้วยแผนการของพระองค์ สิ่งที่ท้าทายเราคือการเชื่อฟังและทำตามโดยรู้ว่าเราวางใจพระองค์ได้ ถ้าเราจำนนต่อน้ำพระทัยพระองค์ เราจะอยู่ในแผนการที่ทรงมีต่อชีวิตเรา

ขณะที่วางแผน ให้เราเพิ่มข้อคิดที่ว่า จงวางแผนที่จะฟัง ให้เราเชื่อฟังแผนการของพระเจ้า

แบ่งแยกในความรัก

การอภิปรายในหมู่ประชาชนเกี่ยวกับกฎหมายของสิงคโปร์ที่ยังเป็นที่ถกเถียงกันได้ทำให้เกิดการแบ่งแยกในหมู่ผู้เชื่อที่คิดเห็นต่างกัน บางคนเรียกคนอื่นว่า “ใจแคบ” หรือหาว่าคนอื่นมีความเชื่อที่ประนีประนอม

เรื่องที่ยังเป็นที่ถกเถียงอาจทำให้เกิดการแบ่งแยกชัดเจนในครอบครัวของพระเจ้า ทำให้เจ็บปวดและผู้คนท้อใจ ผมรู้สึกละอายใจเมื่อเห็นวิธีที่ผมประยุกต์ใช้คำสอนในพระคัมภีร์กับชีวิตของตนเอง และผมแน่ใจว่าผมเองก็ทำผิดเช่นกันที่วิจารณ์คนที่ผมไม่เห็นด้วยกับเขา

ผมคิดว่าปัญหาไม่ได้อยู่ที่มุมมองของเราหรือแม้แต่วิธีที่เราถ่ายทอดมุมมองนั้น แต่อยู่ที่ทัศนคติในจิตใจในขณะนั้น เราเพียงแค่ไม่เห็นด้วยกับมุมมอง หรือเรากำลังหาทางทำลายผู้ที่มีมุมมองเช่นนั้นกันแน่

จริงอยู่ที่บางครั้งเราต้องชี้ให้เห็นคำสอนเท็จหรืออธิบายจุดยืนของเรา แต่เอเฟซัส 4:2-6 เตือนให้กระทำด้วยความถ่อมใจ ความสุภาพอ่อนโยน ความอดทนอดกลั้น และความรัก และที่สุดแล้วให้เราพยายามอย่างยิ่งที่จะ “รักษาความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันที่มาจากพระวิญญาณ” (ข้อ 3)

ข้อถกเถียงบางข้อจะยังคงไม่มีทางออก แต่พระวจนะเตือนว่าเราควรมุ่งเสริมสร้างความเชื่อของผู้อื่นเสมอ ไม่ใช่ทำลายเขา (ข้อ 29) เราทำให้คนอื่นรู้สึกแย่เพื่อให้ชนะการโต้เถียงหรือไม่ หรือเรายอมให้พระเจ้าช่วยให้เราเข้าใจความจริงของพระองค์ในเวลาและวิถีของพระองค์ และรู้ว่าเราต่างก็มีความเชื่อเดียว ในองค์พระผู้เป็นเจ้าเดียว (ข้อ 4-6) - LK

เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไป นั่นเป็นการแสดงว่าท่านยอมรับ นโยบายการใช้คุกกี้ของเรา